กรี๊ดสนั่นลั่นขุนเขา @ Scenical World เขาใหญ่ มันส์สุดๆ กับ สวนน้ำและสวนสนุกท่ามกลางธรรมชาติ


Scenical World เขาใหญ่ แหล่งรวมความสนุกท่ามกลางขุนเขา แห่งเดียวในเมืองไทย

หลังจากที่ได้ไปสัมผัสกับความสนุกที่นี่มาแล้ว วันนี้เลยขอมารีวิวเพื่อแชร์ความสนุกให้เพื่อนๆ สมาชิกได้ติดตามอ่านกันนะครับ

Scenical World ตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกับ Greenery Resort และ  Botanica KhaoYai ซึ่งถ้าจะมาพักที่นี่ ก็ถือว่าสะดวกมากๆ เลย เพราะว่าเป็นเจ้าของเดียวกัน ปกติเค้าจะมีส่วนลด โปรโมชั่น พิเศษ ด้วยนะครับ ถ้าพักที่นี่แล้ว เข้ามาเล่นเครื่องเล่น ลองเช็คดูกันอีกทีละกันครับ




เรามาเริ่มทำความรู้จักเกี่ยวกับ Scenical World กันให้ละเอียดก่อนเข้าไปลุยกันดีกว่าครับ


Scenical World เป็นศูนย์รวมความสนุก และ แหล่งช็อปปิ้ง ที่ตอนนี้ถือว่าใหญ่ที่สุดในภาคอีสานก็ว่าได้นะครับ ภายในได้มีการแบ่งเป็นโซนไว้หลักๆ 4 โซน ด้วยกันดังนี้ครับ
1. โซน Shopping Mall
2. โซน Mid West
3. โซน Life Park
4. โซน Splash World




หลังจากที่เราเดินเข้ามาด้านใน จะเจอกับโซนแรกคือ โซน Shopping Mall ก่อนเลยครับ ถ้าใครมาเที่ยวกันแบบครอบครัว และ มีเด็กเล็กมาด้วย ผมแนะนำว่าให้เลี้ยวซ้าย ไปที่ โซน Mid West พาคุณน้องคุณหนูไป Warm Up กันก่อนเลย เพราะว่าโซนนี้มีเครื่องเล่นที่จัดไว้ให้คุณน้องคุณหนูโดยเฉพาะ หลังจากนั้นไปกรี๊ดกันต่อที่ โซน Life Park กับเครื่องเล่นสุดหวาดเสียว หลักหลายชนิด และ ปิดท้ายรายการด้วย โซน Splash World ซึ่งเป็นส่วนน้ำขนาดใหญ่ พร้อมสไลเดอร์หลายตัวที่จะสร้างความตื่นเต้นและความมันส์ ให้กับคุณ


บริเวณทางเข้าด้านหน้า
พวกเราไปกันตั้งแต่ที่นี่เริ่มเปิดให้บริการ คนเลยยังไม่ค่อยมี ได้ภาพมาแบบโล่งๆ เลย


พร้อมลุยกันแล้วครับ

เข้ามาด้านในก็มาเจอโซน Shopping Mall ก่อนเลย



โซน Shopping Mall

โซนนี้เป็นโซนร้านค้า ร้านอาหาร สำหรับขาช็อปและขากิน แต่ช่วงที่พวกเราไปเที่ยวกัน ยังทำไม่เสร็จเรียบร้อยเท่าไหร่ เลยไม่ได้มีโอกาสใช้บริการในส่วนนี้



เดินเข้าในโซน Shopping Mall ถ้าไปทางซ้ายจะเป็นโซน Mid West เดินตรงไปเป็น โซน Life Park ถ้าเลี้ยวขวา เป็น Splash World


พวกเราเลือกเดินตรงไปที่ โซน Life Park เพื่อไปสัมผัสเครื่องเล่นมันส์ๆ กันก่อนเลย เพราะว่า Splash World ต้องเก็บไว้ท้ายสุด เนื่องจาก ถ้าเข้าไปแล้ว ต้องเปียกกันหมด เลยขอเก็บไว้อันหลังเลย พอเล่นเสร็จ จะได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า กลับบ้านกันไปเลย




โซน Life Park

โซน Life Park เป็น โซนที่มีเครื่องเล่นนำเข้าจากต่างประเทศกว่า 20 รายการ ให้เราได้เลือกเล่นกัน

สำหรับค่าเครื่องเล่น เราก็จ่าย กันตามที่เราต้องการเล่นเลยครับ
อยากเล่นตัวไหน ก็จ่ายแค่ตัวนั้น
สำหรับคนที่เข้าไปแล้วไม่ต้องการเล่นเลย ก็เสียค่าเข้าคนละ 200 บาท ซึ่งสามารถนำคูปองไปแลกเครื่องดื่มได้ 50 บาท

เครื่องเล่นแต่ละอย่างจะเสียค่าเล่นไม่เท่ากันนะครับ
ซึ่งภายในสวนสนุกจะมีป้ายตั้งแจ้งไว้ว่า เครื่องเล่นตัวไหนเสียค่าเล่นเท่าไหร่
ที่นี่เค้าจะเรียกเป็น Token ซึ่ง 1 Token ราคา 80 บาท
เราก็ดูว่า เครื่องเล่นที่เราต้องการเล่น อยู่ในโซนของกี่ Token น่ะครับ ซึ่งข้างๆ ป้ายจะมีโต๊ะจำหน่าย Token เราก็ซื้อ Token จากตรงนั้นแล้วไปที่เครื่องเล่นที่เราต้องการ


หากยังไม่รู้ว่าจะเล่นอะไร ก็นั่งรถไฟ Gold Rush เพื่อชมสถานที่รอบๆ กันไปก่อนก็ได้ครับ
หรือจะอาศัยนั่งรถไฟนี้ไปลงตรงเครื่องเล่นที่เราต้องการก็ได้เช่นกันครับ


สำหรับคนที่เสียเงินค่าเข้า 200 บาท มาแล้ว ก็สามารถนั่งรถไฟนี้เที่ยวได้นะครับ




จัดเครื่องเล่นแรกกันไปก่อนเลยดีกว่าครับ 



GX Swing เครื่องเล่นนี้ทำลักษณะคล้ายๆ แคปซูน มีเบาะนั่งด้านใน เล่นได้ครั้งละ 5 คน ซึ่งพอเราเข้าไปนั่งแล้วเครื่องเล่นนี้จะค่อยๆ พาเราให้ขึ้นไปสูงขึ้นเรื่อยๆ
สูงจนขาเริ่มสั่น หลังจากนั้นก็จะเหวี่ยงเราไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
จังหวะนั้นไม่ต้องคิดไรมากแล้วครับ กรี๊ดให้สุดเสียง เป็นทางเดียวที่ทำได้ครับ



เหวี่ยงขึ้นไปสูงประมาณ 90 องศา กันเลยทีเดียว


หลังจากใจคอเริ่มดีขึ้น ก็ขอไปขับรถ Go Cart ชิลล์ๆ แปร๊บนึงครับ แต่ที่นี่เค้ามีชื่อเรียกว่า Speed Way



Speed Way สำหรับสิงห์นักแข่ง ที่ชอบความเร็ว พลาดไม่ได้เลยครับ สำหรับเครื่องเล่นตัวนี้ การได้เหยียบคันเร่ง แตะเบรค เข้าโค้ง แล้วมีคู่แข่งตามท้ายมาแบบหายใจรดต้นคอแบบนี้บอกได้เลยว่ามันส์จริงๆ





ใกล้ๆ กับสนามแข่ง Speed Way เดินไปอีกนิดจะเป็นโซน Super Slider ซึ่ง โซนนี้ก็เป็นอีกโซนที่มีเครื่องสนุกให้ได้เล่นกันอยู่หลายตัว

พวกเราเลือกเล่น Super Slide เพราะดูแล้วน่าสนุก เด็กๆ ก็สามารถเล่นได้ และ ไม่น่าจะเวียนหัว เหมือนเครื่องเล่น Zorb ที่เป็นลูกกลมๆ ให้เราเข้าไปอยู่ข้างในแล้วกลิ้งลงมา แบบนั้นบอกว่าขอบาย สำหรับชั่วโมงนี้


Super Slider เป็นเครื่องเล่นลักษณะให้นั่งในห่วงยาง แล้วไหลลงมาอย่างรวดเร็ว สร้างความตื่นเต้นให้ได้ดีจริงๆ ถึงแม้จะไม่ได้หวาดเสียวสุดๆ แต่ก็ถึอว่าเป็นเครื่องเล่น ใช้สำหรับเรียกน้ำย่อยได้เบื้องต้นเลยล่ะครับ


ตอนขึ้นไปก็เดินขึ้นบันไดไปแบบ ชิลล์ๆ ส่วนคนที่กำลังลงก็ทั้งกรี๊ด ทั้งหัวเราะ น้ำตาเร็ดเลย


เพราะตอนที่นั่งห่วงยางลงมา เรากำหนดไม่ได้เลยครับ ว่ามันจะหันหน้าลง หรือ หันหลังลง หรือ มันจะหมุนหน้าหลังสลับไปมา ระหว่างลง อันนี้แหละมันส์จริงๆ ขอแนะนำห้ามพลาด


เครื่องบริเวณโซนนี้จะมี 3 อย่างใกล้ๆ กันคือ จากขวา Super Slider , Zorb, Thunder Hawk


เดินแว่บมาดูเครื่องเล่น Mix-Extremes อันนี้เป็นกิจกรรมสำหรับคนที่ชอบการปีนป่าย และ ความหวาดเสียวจริงๆ พวกเราขอบายละกันครับ เพราะว่าไม่ค่อยถนัดซักเท่าไหร่ แต่ยืนดูเค้าปีนกันก็น่าสนุกดีเหมือนกันนะครับ



Thunder Hawk สำหรับคนที่ชอบความสูง และ อยากบินได้เหมือนนก ก็ลองเครื่องเล่นนี้ดูครับ 


พวกเราเลือกมาต่อกันที่เครื่องเล่นที่ชื่อว่า Riddle Coaster
อันนี้เป็นเครื่องเล่นที่ดูไม่ค่อยน่ากลัว แต่เอาเข้าจริงๆ กรี๊ดกันเส้นเอนคอแทบฉีกเลยทีเดียว

เครื่องเล่นนี้จะนั่งได้ครั้งละ 4 คน เคล็ดลับคือ ใครนั่งหลังจะเสียวกว่า คนนั่งหน้านะครับ
เพราะฉะนั้น ใครอยากแกล้งเพื่อน ลองบอกให้ไปนั่งข้างหลังครับ ตอนลงไปนั่งในเครื่องครั้งแรก จะรู้สึกว่าคนนั่งข้างหน้าจะน่ากลัวกว่า แต่พอเครื่องออกสตาร์ทได้แป๊บเดียวจะได้รู้ความจริงครับ


คนนั่งหน้ากำลังขำเสียงกรี๊ดคนนั่งหลัง

คนนั่งหลังกรี๊ดเส้นเอนคอแทบฉีก


และมาต่อใกล้ๆ กันเลยครับกับเครื่องเล่น Sky Diver หรือ Free Fall ที่จะพาคุณขึ้นไปบนจุดสูงสุดของ Tower แล้วทิ้งคุณลงมาแบบไม่ยินดียินร้ายกันเลยทีเดียว... คือจังหวะนั้น คุณน่าจะแหกปากตระโกน ระบายความเครียดที่มีอยู่ออกมาให้หมดไปเลยครับ เพราะเวลานั้นไม่ใช่เวลาที่คุณจะนั่งยิ้มฝันหวานอะไรเลย นอกจากตระโกนอะไรก็ได้ที่ทำให้คุณรู้สึกหายกลัว ซึ่งสิ่งที่คุณตระโกนออกไปคนนั่งข้างๆ คุณก็แทบจะไม่มีเวลามาสนใจฟังเหมือนกัน ผมว่าพอลงมาจากเครื่องคุณจะสบายใจ คลายความเครียดได้ทันทีเลย..


  

เดินลัดเลาะ ถัดจากเครื่องเล่น Sky Diver ไปนิดเดียวจะได้เจออีกเครื่องเล่นที่สนุก แต่ไม่ถึงกับน่าหวาดเสียวมากนัก ชื่อว่า EverSlide สำหรับเครื่องเล่นนี้ถ้าเทียบกับ Super Slide รู้สึกว่า Super Slide จะไหลเร็วกว่า เครื่องเล่นนี้อาจจะหนืดกว่าหน่อยนึง แต่ที่สนุกก็ตรงที่สามารถเล่นได้ครั้งละหลายคน เหมือนกับเป็นการแข่งกันลงมาน่ะครับ




หลังจากเล่น Everslide เสร็จเหลือบมองดูเวลา ก็หมดไปเยอะแล้วคงต้องทำเวลากันแล้ว เพราะไม่งั้น โซนอื่นๆ คงไม่ค่อยได้เล่นเท่าไหร่ พวกเราเลยมองไปรอบๆ เลือกเครื่องเล่น ตัวเด็ดๆ ที่เหลืออยู่ในรายการ มาซะเลยดีกว่า

Typhoons Tower อืม... ตัวนี้น่าสนใจ เป็นเครื่องเล่นที่จะค่อยๆ พาเราขึ้นไปบนจุดสูงสุดของ Tower แล้วค่อยๆ หมุนไปรอบๆ และ แอบปรับองศาของที่นั่งเราไปเรื่อยๆ จนไปถึงระดับ 90 องศา จังหวะนั้นแหละครับ ทั้งเร็วทั้งชัน โอ้วๆๆๆ ม่ายหวาย แหกปากสุดเสียงไปสิครับ รออะไร...





เจ้าพ่อเจ้าแม่คุ้มครองหนูด้วย อันนี้เป็นเครื่องเล่นที่เราขอแนะนำให้เก็บไว้ท้ายสุดไปเลยดีกว่าครับ สำหรับโซน Life Park เพราะว่าหลังจากที่คุณเล่นเครื่องเล่นนี้แล้ว คุณแทบจะเล่นเครื่องเล่นอื่นไม่ไหวอีกเลย เพราะทั้งมันส์ ทั้งมึนหัว บางคนลงมา เรียกหายาดม ยาอม ยาหม่อง น้ำมะนาว กันยกใหญ่เลย สำหรับเครื่องเล่น Super Pendulum ตัวนี้


มันทั้งหมุน ทั้งเหวี่ยง คือใครเวียนหัวง่ายๆ นี่ ผมบอกเลยว่า เตรียมถุงพลาสติกติดกระเป๋าไว้เลยหนึ่งใบ ได้ใช้แน่นอนครับ



และ อันนี้คือเครื่องเล่นสุดท้ายจริงๆ สำหรับโซนนี้ ที่ไม่อยากให้พลาด ดูเหมือนไม่ค่อยมีอะไร แต่ถ้าคุณไปเที่ยวกันเป็นกลุ่ม บอกเลย มันจะรีดความสนุกออกมาแบบสุดเหวี่ยงเลยล่ะครับ

เครื่องนี้เรียกว่า Bubble Bumper เป็นเครื่องเล่นที่นั่งเล่นกันเครื่องละ 2 คน คนนึงคอยบังคับ ทิศทาง อีกคนคอยถือปืนฉีดน้ำไล่ยิงคันอื่นๆ บอกเลยมันส์มากจริงๆ จดบันทึกไว้ในรายการ Don't Miss เลยครับ



เครื่องเล่นนี้ที่แนะนำให้เก็บไว้ท้ายๆ เพราะว่ามันเข้าสู่โหมดเปียกแล้วน่ะครับ พอเลิกจากตรงนี้ ก็ไปที่สวนน้ำ Splash World ได้ทันทีครับ


เนี่ยแหละครับ ทั้งไล่ชนกัน ทั้งไล่ยิงกัน สนุกมากจริงๆ


สำหรับโซน Life Park ถ้ามีเด็กเล็ก สูงซัก 120 ซม ขึ้นไป ก็พามาขับรถเล่นที่ Kiddie Town ได้นะครับ

แต่ถ้ามีเด็กอายุต่ำกว่านั้น แนะนำว่าไปที่ โซน Mid West เลยจะดีกว่าครับ เพราะว่าที่โซนนั้นจะมีเครื่องเล่นให้เด็กเล็กมากกว่า


จบจากโซน Life Park ก็แวะมาต่อกันที่ โซน Mid West เอาใจเจ้าตัวเล็กกันแป๊บนึง ก่อนจะไปต่อที่ Splash World




โซน Mid West
โซนนี้สำหรับคุณน้องคุณหนูโดยเฉพาะครับ

ด้านในจะมีเครื่องเล่นทั้งหมด 7 ชนิดด้วยกันคือ
1. Jelly Fish
2. Carousel
3. Space Shuttle
4. Tea Cup
5. Kiddie Climber
6. Twister
7. X Max

Carousel หรือ ม้าหมุน ที่ดูสวยงาม เหมือนกับอยู่ในงานคาร์นิวัล ซักแห่งในต่างประเทศเลยล่ะครับ

เด็กเล็กๆ จะสนุกันมากสำหรับโซนนี้ เพราะมีเครื่องเล่นที่เหมาะสมกับพวกเค้า


เล่นไปหลายรอบเลย 

มาต่อกันด้วย Space Shuttle




และปิดท้ายด้วย Twister อันนี้ผู้ใหญ่ก็เล่นได้ครับ สนุกมากๆ สำหรับคนที่ไม่กล้านั่ง Typhoons Tower ที่โซน Life Park ก็มาเล่นอันนี้แทนก็ได้ครับ ถึงแม้จะเอียงไม่ถึง 90 องศา แต่ก็มันส์สะใจใช้ได้เลยครับ


เริ่มเย็นแล้วพวกเราต้องรีบมาต่อกันที่โซนไฮไลท์ ของที่นี่อีกแห่งคือ สวนน้ำ Splash World


สำหรับค่า Token ของโซนนี้ ในกรณีที่ไม่ได้ซื้อบัตรแบบเหมารวมเข้ามา
 1) Jelly Fish 2 Token/Ride
2) Carousel 2 Token/Ride
3) Space Shuttle 2 Token/Ride 
4) Tea Cup 2 Token/Ride 
5) Kiddie Climber (kids 3-11 yrs. Only) 2 Token/Ride
6) Twister 2 Token/Ride
7) X - Max 4 Token/Ride



โซน Splash World

สำหรับโซน Splash World จะมีเครื่องเล่นทั้งหมด 15 ชนิดด้วยกัน ซึ่งเราเสียค่าบัตรครั้งเดียว สามารถเล่นเครื่องเล่นได้ทั้งหมดเลยครับ
ประทับใจการออกแแบที่นึกคนที่ต้องใช้รถเข็นเนี่ยครับ เวลาไปไหนมาไหนแล้วต้องเอารถเข็นไปด้วย บางที่ต้องยกขึ้นบันได ลงบันได ก็รู้สึกหงุดหงิดเหมือนกันนะครับ

หลังจากตีตั๋วเข้าไปแล้ว ก็เอาของไปเก็บที่ Locker กันเลย




เครื่องเล่นในสวนน้ำมีทั้งหมด 15 ชนิด ได้แก่
  1. Space Bowl
  2. Boomerango 
  3. Splash Coaster
  4. Tantrum Alley
  5. Kiddi Slides 
  6. Jumper
  7. Kamikaze
  8. Racer Wave
  9. Thumder Bolt
  10. Tornado
  11. Python
  12. Splash Valley
  13. Lazy River
  14. Cyclone 
  15. Wave Pool 


เพื่อการเล่นให้ครบทั้งหมด หรือ ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แนะว่า ให้ไปเริ่มจากมุมใดมุมหนึ่งเลยครับ

พวกเราเลือกไปเริ่มที่ Space Bowl ซึ่งอยู่ติดกับ Boomerango 





เครื่องเล่น Space Bowl จะเป็นลักษณะให้เล่นได้ครั้งละ 2 คน นั่งห่วงยางลงไปตามท่อ และ ไหลลงไปใน Bowl ใหญ่ๆ ก่อนที่จะถูกดูดลงไปเหมือนกับฃักโครกยังไงอย่างงั้น หลังจากนั้นจะปล่อยเราให้พุ่งลงตามท่อแล้วลงไปกระแทกกับน้ำด้านหลังอย่างแรง สร้างความตื่นเต้นให้สุดๆ จริงๆ



จบจาก Space Bowl และ Boomerango แล้ว ก็ขอพักเหนื่อยโดยการมาโต้คลื่นชิลล์ๆ ที่ Wave Pool กันก่อนดีกว่า ที่นี่เค้าจะเปิดให้เล่นคลื่นกันเป็นช่วงๆ นะครับ เบรคครั้งละประมาณ ครึ่งชั่วโมง แล้วเปิดให้เล่นคลื่นกันนานครั้งละ 15 นาที

ช่วงยังไม่มีคลื่นก็นอนบนห่วงยางชิลล์ๆ ไปก่อนครับ


พอเริ่มปล่อยคลื่นเท่านั้นแหละ ผู้คนก็เริ่มทยอยกันมาเต็มไปหมด




ช่วงปล่อยคลื่นนี่เรียกว่า กรี๊ดกร๊าด กันมันส์จริงๆ



ช่วงที่ปล่อยคลื่น เจ้าหน้าที่จะคอยยืนเฝ้าดูตลอดครับ มีทั้งหมด 3 จุด 


มาต่อกันที่เครื่องเล่น ใกล้ๆ กับ Wave Pool สีชมพูขาวชื่อว่า Tantrum Alley ดูแล้วออกหวานๆ ไม่น่าจะมีอะไร แต่ที่ไหนได้ พอนั่งห่วงยางลงไปเท่านั้นแหละ ทั้งเหวี่ยง ทั้งกระแทก สไลด์ไปตามท่อ เร็วอย่างกับพายุทอร์นาโด กันเลยทีเดียว แถมอยู่ในท่อมืดๆ อีก โอีย ใครก็ได้ช่วยพาพวกเราออกไปที ม่ายหวายแล้ว...


หัวใจยังไม่ทันเต้นเข้าจังหวะ ก็มาต่อกันที่เครื่องเล่น 3 ตัว นี้กันต่อ

เครื่องเล่นทั้ง 3 นี้มีชื่อว่า Kamikaze , Jumper และ Racer Wave


ลักษณะการเล่นคล้ายๆ กัน คือ ให้เราเกาะห่วงยาง คว่ำหน้า แล้ว ไหลลงมา ด้วยความเร็ว ซึ่งระหว่างที่พุ่งลงมา ตัวสไลเดอร์จะมีการเหวี่ยงเราขึ้นไปคล้ายกับลูกคลื่น ตรงนี้แหละครับ ใครน้ำหนักตัวมากๆ ช่วงไหลลงมา แล้วเหวี่ยงขึ้น มันจะเร็ว และ แรงกว่าคนที่น้ำหนักตัวน้อยๆ 

ตอนไหลลงมา ก่อนที่จะไหลขึ้นไปอีกรอบนึง



สำหรับระบบความปลอดภัยของที่นี่เค้า จะมีเจ้าหน้าที่คอยให้สัญญานว่าจะให้ปล่อยผู้เล่นลงมาได้ตอนไหน ซึ่งนอกจากการใช้วิทยุสื่อสารแล้ว เค้าก็ใช้สัญญานมือเป็นตัวช่วยอีกทางนึง



ผ่านเครื่องเล่น 3 ตัวไปแล้ว ก็มาพักผ่อนแบบสบายๆ กันที่  Splash Valley ซักพักนึง ก่อนที่จะไปลุยตัวไฮไลท์อีกตัวของที่นี่ นั่นคือ Tornado นั่นเองครับ

โซน Splash Valley เป็นโซนที่เหมาะสำหรับครอบครัวที่มีเด็กเล็กไปด้วยครับ เพราะว่าที่นี่น้ำจะไม่ลึก และ มีสไลเดอร์เล็กๆ สำหรับให้เด็กๆ ได้เล่นกัน



พักผ่อนกันได้ที่แล้วก็มาต่อกันที่ เครื่องเล่น Tornado กันเลยดีกว่าครับ


โดดเรียกขวัญกันก่อนซักรอบ


เงยหน้าขึ้นไป นั่นคือท่อที่เราจะไหลลงมา ซึ่งข้างในจะมืดมาก


ช่วงนี้ใครจะเล่นเครื่องเล่น Tornado อาจจะลำบากนิดนึง ตรงที่ต้องแบกห่วงยางขึ้นไปกันเองนะครับ

ครั้งนึงสามารถเล่นได้ 4 คน ก็ถือว่าโอเคครับ ช่วยกันแบกขึ้นไป 4 คน ถามว่าหนักมั๊ย หนักเหมือนกันครับ ขึ้นไปต้องนั่งพัก กันก่อนแป๊บนึง เหนื่อยครับ

แต่ว่าต่อไป เค้าจะมีเครื่องสำหรับลากห่วงยางขึ้นไปให้เรานะครับ


เงื่อนไขคือ ทุกครั้งที่เล่น ต้องมีคนนั่งอยู่ในห่วงยางให้ครบ 4 คน
ผู้เล่นจะต้องสูง 140 ซม ขึ้นไป แต่ไม่เกิน 2 เมตร

และน้ำหนักตัวต้องไม่ต่ำกว่า 40 กก และ ไม่เกิน 90 กก

พอเล่นเสร็จแล้วก็แบกห่วงยางกลับมาเก็บที่เดิม

เด็กๆ ยังไหว ระดับเราจะไม่ไหวได้งัยใช่มั๊ยครับ


หลังจากเล่นเครื่องเล่น กันจนครบตามที่ตั้งใจแล้ว ถึงแม้จะเล่นไม่หมดทุกอย่างที่มี แต่ก็ถือว่าสนุกกันจนถึงขีดสุดทุกคนจริงๆ


และที่สำคัญพอช่วงใกล้ค่ำ อุณหภูมิ ก็เริ่มลดต่ำลง การจะเล่นน้ำกันต่อ คงไม่ไหวกันแล้วสำหรับพวกเรา

เลยขอเดินเก็บภาพช่วงทไวไลท์กันซักแป๊บ ก่อนที่จะไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ากัน

มองไปไกลๆ อีกนิดนั่นคือ Splash Coaster ซึ่งเป็นสไลเดอร์ขนาดความยาว 180 เมตร ถือว่าเป็นสไลเดอร์ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย ณ ปัจจุบัน




ช่วงกลางคืน พวกเครื่องเล่นต่างๆ จะเปิดไฟระยิบ ระยับ ดูแล้วสวยงาม มากๆ


พี่การ์ด คอยยืนดูแล จนผู้เล่น ลงจากเครื่องเล่นครบทุกคน


พวกเราออกจากที่นี่กันเป็นกลุ่มสุดท้ายเลย
อิๆ... เค้ากลับไปกันหมดแล้ว


แต่เนื่องจากโซน Mid West เค้าปิดดึกกว่าโซนอื่นๆ เลยขอเข้าพาเจ้าตัวเล็ก ไปนั่งม้าหมุนอีกซักรอบก่อนกลับ


เปิดให้บริการทุกวัน
โซน Shopping Mall และ Mid West เปิดให้บริการตั้งแต่ 10.00 - 22.00 น.
โซน Life Park และ Splash World เปิดให้บริการตั้งแต่ 09.00 - 18.00 น.


สำหรับค่าเข้าจะแบ่งเป็น โซนนะครับ

แต่ละช่วงก็จะมีโปรโมชั่นออกมาเรื่อยๆ ผมขอแจ้งราคาไว้คร่าวๆ ณ ตอนนี้ก่อนนะครับ

โซน Splash World
ผู้ใหญ่ 890 บาท
เด็ก 680 บาท
ผู้สูงอายุ 680 บาท
ครอบครัว 2,500 บาท (สำหรับผู้ใหญ่ สูง 141 ซม.ขึ้นไป 2 คน และ เด็กส่วนสูง 100 - 140 ซม 2 คน)


โซน Life Park
ถ้าเข้าไปดูเฉยๆ ค่าบัตร 200 บาท (นั่งรถไฟ Gold Rush ได้หนึ่งรอบ และ แลกเครื่องดื่มได้ 50 บาท) หลังจากนั้นก็ไปซื้อ Token เพื่อเล่นเครื่องเล่นบางประเภทที่ต้องการได้เลย ดูจำนวน Token ว่าเครื่องเล่นไหน ต้องใช้กี่ Token เราก็คำนวนไปครับ Token ละ 80 บาท แต่ถ้าต้องการซื้อแบบเหมา ก็ราคาตามด้านล่างนี้ครับ

ผู้ใหญ่ 1,250 บาท
เด็ก 850 บาท
ผู้สูงอายุ 600 บาท
ครอบครัว 2,850 บาท (สำหรับผู้ใหญ่ สูง 141 ซม.ขึ้นไป 2 คน และ เด็กส่วนสูง 100 - 140 ซม 2 คน)
หมายเหตุ : ราคานี้ไม่รวมเครื่องเล่น Speed Way และ Capture the flag นะครับ


โซน Mid West
สำหรับโซน Mid West ปกติ ถ้าเข้าไปเดินเล่นเฉยๆ ก็ไม่เสียค่าใช้จ่ายครับ แต่ถ้าต้องการเล่นเครื่องเล่นแบบเหมาก็ซื้อได้ในราคานี้

ผู้ใหญ่ 550 บาท
เด็ก 450 บาท
ผู้สูงอายุ 400 บาท
ครอบครัว ,1500 บาท (สำหรับผู้ใหญ่ สูง 141 ซม.ขึ้นไป 2 คน และ เด็กส่วนสูง 100 - 140 ซม 2 คน) ราคานี้ไม่รวมเครื่องเล่น X-Max นะครับ ถ้าต้องการเล่นเครื่องนี้ต้องซื้อเป็น Token จำนวน 4 Token ในราคา Token ละ 80 บาท


ติดตามโปรโมชั่นได้จากหน้าเฟสบุ๊คของทาง Scenical World เขาใหญ่จากลิงค์ด้านล่างนี้นะครับ


หรือ โทรสอบถามได้ที่เบอร์ 0-2661-2999



แผนที่ Scenical World เขาใหญ่
พิกัด GPS 14.535151, 101.373760



ชอบบทความนี้อย่าลืมกด Share ให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันด้วยนะครับ
ขอบคุณครับ